โดย ‘Personal Color Test’ คือการค้นหาว่าสีประจำตัวของเราเองนั้นเป็นสีอะไรจัดอยู่ในฤดูกาลไหน

เฉดหรือโทนอะไร เข้มอ่อนขนาดไหนซึ่งเราจะถูกทดสอบค้นหาสีของตัวเองก่อน เพื่อจะได้ประยุกต์กับการสีเสื้อที่ใส่ หรือเครื่องแต่งกายต่างๆ ที่ใช่ เช่น บางคนชอบใส่เสื้อโทนร้อน เช่น สีแดง เป็นประจำ ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าใส่แล้วจะทำให้ดูหมองกว่าปกติ จนกระทั่งเมื่อหันมาใส่สีโทนอ่อน เช่น ชมพูอ่อน แล้วกลับมีความออร่า ผิวดูสว่างมากกว่าปกติ

หรือเครื่องประดับ เช่น หมวก , สร้อย ถ้าจับคู่โทนสีที่เข้ากับเรา แมตซ์กันก็จะทำให้การแต่งตัว

ของเราวันนั้นดูพิเศษและดูดีมากยิ่งขึ้น

สีผิวของเราจะถูกจัดแบ่งแบบ ‘Undertone’ หรือสีผิวที่ติดตัวเรามาแต่กำเนิด

และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นั้น หลักๆ จะแบ่งเป็นสองโทนคือ

1. Yellow base หรือ Warm Tone (โทนร้อน ) 

2. Blue Base หรือ Cool Tone (โทนเย็น) 

ซึ่งวิธีสังเกตง่ายๆ และนิยมกันมากที่สุดมีหลายวิธี

1.1 การดูสีเส้นเลือดที่ข้อมือ

1.2 สังเกตคนที่มีผิวโทนเย็น อาจจะใส่เสื้อผ้าที่มีสีฟ้า สีน้ำเงิน สีเขียว สีม่วงแล้วดูดี

แต่ถ้าใครผิวโทนร้อนก็อาจจะใส่ชุดสีแดง สีส้ม สีเหลือง แล้วดูดีมากกว่า

และสีผิวของเรานั้นยังสามารถแบ่งเป็นตามฤดูกาล  4 ฤดู ดังนี้

• Cool Tone – Summer (ฤดูร้อน), Winter (ฤดูหนาว)

• Warm Tone – Autumn (ฤดูใบไม้ร่วง), Spring (ฤดูใบไม้ผลิ)

ซึ่งการหา Personal Color ของเรานั้น จะถูกแบ่งย่อยลงไปอีกว่าเฉดไหน เข้มอ่อนขนาดไหน โดยการจัดกลุ่มของอันเดอร์โทนแต่ละอันก็คือ ผิวโทนเหลือง จะแบ่งเป็น Spring กับ Autumn ส่วนอันเดอร์โทนฟ้า จะแบ่งเป็น Summer กับ  Winter 

• Spring : Yellow base + Soft /Light  Color ผิวโทนเหลือง กับ โทนสีอ่อน

• Autumn : Yellow base + Vivid / Deep Color ผิวโทนเหลือง กับ โทนสีสดจัด

• Summer : Blue base + Soft / Light Color ผิวโทนฟ้า กับ โทนสีอ่อน

• Winter : Blue base + Vivid / Deep Color ผิวโทนฟ้า กับ โทนสีสดจัด

 

สีที่ชอบอาจจะทำให้มั่นใจ แต่สีที่ใช่จะทำให้เราดูมีออร่า เปล่งประกายขึ้นมาได้ในพริบตา