เสื้อสุกะจัง (スカジャン: Sukajan) ถือเป็นหนึ่งในไอเทมที่ชู Identity ของแบรนด์ Superdry มากที่สุด ด้วยความที่เสื้อสุกะจังนั้นเรียกได้ว่าเป็นเสื้อลูกผสมระหว่างวัฒนธรรมอเมริกันและญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับหัวใจหลักในการดีไซน์ของแบรนด์
Photo: Courtesy of Retrospective Modernism
ชื่อเสื้อแจ็คเก็ต Sukajan คนทางฝั่งเอเชียคงรู้จักและคุ้นหูกันบ้าง แต่ชาวยุโรปบางกลุ่มอาจจะไม่ค่อยเข้าใจนัก หรืออาจจะมีบางคนที่เรียกมันว่า Japanese Jacket โดย ชื่อ #สุกะจัง นั้น มีความเชื่อว่าได้มาจากเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของแจ็คเก็ตชนิดนี้ นั่นก็คือเมือง “โยโกสุกะ” โดยที่ตัดทอนคำออกมาเหลือแต่คำว่า “สุกะ” ส่วนคำว่า “จัง” เป็นคำสั้นๆ ที่เอาไว้เรียก เสื้อจัมพ์เปอร์
ต้นกำเนิดของเสื้อสุกะจัง เกิดจากการได้รับอิทธิพลมาจากอเมริกามาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีวิวัฒนาการมาจาก Souvenir Jacket หรือ “เสื้อกันหนาวของฝาก” ของทหารอเมริกัน ที่ตั้งใจนำติดไม้ติดมือกลับภูมิลำเนาไปเป็นที่ระลึกหลังสงครามโลกสิ้นสุดลง จึงได้มีการผสมผสานวัฒนธรรมระหว่าง ญี่ปุ่น – อเมริกา ขึ้นมาโดยยึดรูปแบบทรงของแจ็คเก็ตของทหารและเสื้อเบสบอลแบบชาวตะวันตก แล้วจึงเอาผ้าไหม ผ้าซาติน หรือผ้าเรยอน มาปักลวดลายแบบญี่ปุ่นที่อิงจากวัฒนธรรมกิโมโน เป็นการผสมกันระหว่างสองวัฒนธรรมไว้ด้วยกัน หลังจากนั้น ช่างฝีมือชาวญี่ปุ่น ก็ได้พัฒนาต่อยอดเสื้อ Souvenir Jacket มาเรื่อยๆ โดยผสานฝีไม้ลายมือในการปักลวดลายบนเสื้อ ตามความชำนาญของช่างแต่ละคน จนได้รับความนิยมจากลูกค้าจากหลายแวดวง ตั้งแต่ ทหาร นักกีีฬาเบสบอล แยงกี้ แกงสเตอร์ และยากูซ่า ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ที่เหล่าดาราในวงการฮอลลีวูด และนักร้องวงดังๆ ต่างก็นิยมนำมาสวมใส่กันเป็นแฟชั่นสุดอมตะไปแล้ว
Photo: GVK/Bauer-Griffin/GC Images; Gotcha Images / Splash News; Stephen Lovekin/Getty
ความโดดเด่นของเสื้อสุกะจังนั้นอยู่ที่:
เนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บ
แรกเริ่มเดิมที วัสดุที่นำมาใช้จะเป็นผ้าไนล่อนที่ตัดมาจากร่มชูชีพ โดยต่อมาจนถึงสมัยปัจจุบัน ก็มีการปรับเปลี่ยนวัสดุเป็น ผ้าไหมเรยอน, ผ้าใยโพลีเอสเตอร์, กำมะหยี่ หรือแม้แต่ผ้าไหมแท้ก็มีเช่นกัน แล้วแต่สไตล์ความชอบ ความถนัดของแต่ละแบรนด์ แต่ละสตูดิโอ
ลวดลายปักบนตัวเสื้อ
ในยุคแรกๆ ลายปักบนเสื้อมักจะเป็นลวดลายนกอินทรีย์ เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา และลายมังกร หรือลายเสือ สาเหตุหลักๆ ที่ลวดลายของเสื้อนั้นค่อนไปทางศิลปะแบบจีน แทนที่จะเป็นศิลปะแบบญี่ปุ่น นั่นก็เพราะว่าในสมัยก่อน เป็นยุคที่การเข้าถึงข่าวสาร ความรู้ และข้อมูลต่างๆ ยังค่อนข้างจำกัด ทำให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่คุ้นเคยกับอารยธรรมในแบบจีนๆ มากกว่า ได้ตีความไปเองว่า ลวดลายเหล่านี้นั้นบ่งบอกถึงความเป็น “เอเชีย” และต่อมาในศตวรรษที่ 21 แบรนด์ดังต่างๆ อย่างเช่น Gucci, Louis Vuitton, Valentino และ Saint Laurent ต่างก็นำเสื้อสุกะจังสุดวินเทจมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย โดยเน้นลวดลายที่มีความครีเอทีฟมากขึ้นตามเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ มากกว่าจะเน้นลวดลายที่สื่อความหมายเหมือนในอดีต
Photo: Courtesy of Retrospective Modernism
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เสื้อสุกะจังได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกก็คือ ตัวละครอย่าง โบยะ ฮารุมิจิ จากเรื่อง “Crows เรียกเขาว่าอีกา” ที่เชื่อว่า ในบรรดานักอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นจะต้องไม่มีใครที่ไม่รู้จักเรื่องนี้อย่างแน่นอน โดยโบยะมักจะปรากฎตัวในแฟชั่นเสื้อแจ็คเก็ตสุกะจังอยู่เสมอ ทำให้เสื้อสุกะจัง ถูกเรียกอย่างฮิตติดปากคนบางกลุ่มในอีกชื่อว่า “เสื้อโบยะ” เลยทีเดียว นอกจากนี้แก๊งตัวแสบในโรงเรียนจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆ ก็ยังถูกวาดให้ใส่เสื้อสุกะจังอีกด้วย
Photo: Courtesy of Unlockmen
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่เป็นสาวกเสื้อ Sukajan Jacket อยู่แล้ว หรืออาจจะมีบางคนที่อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกชื่นชอบและอยากลองซื้อหามาใส่ขึ้นมา ในประเทศไทยก็มีแหล่งขายอยู่หลายที่ หรือหากไม่รู้ว่าจะไปซื้อที่ไหน ลองแวะเข้าไปชมเสื้อสุกะจังลวดลายต่างๆ ของ Superdry กันได้ครับ